กองทุนภาคประชาสังคม

“กลุ่มไม้ขีดไฟ” ผู้จุดประกายฝันแก่เด็ก

เส้นทางที่มืดมิดที่ไม่ว่าจะนำทางไปสู่สิ่งใด นักเดินทางมือใหม่ย่อมตระหนก ผวาหวาดหวั่นเมื่อก้าวย่างแต่ละก้าวที่ย่ำเดิน ไม่สามารถคำนวณทิศทางท่ามกลางความมืดนั้นได้ จะหยุดเฉยๆ ก็ไม่ได้ แต่จะยังคงรั้นฝืนเดินไปก็เสี่ยงที่จะหลงทิศผิดทาง หวนกลับมาได้ยากยิ่ง ดังนั้น...ไฟส่องทางย่อมเป็นที่โหยหาของนักเดินทางทุกผู้คน เส้นทางเดินชีวิตก็เช่นเดียวกัน ยิ่งสำหรับเด็กเยาวชนยิ่งสำคัญ การเรียนรู้ความเปลี่ยนแปลงของโลกและของตัวเอง เพื่อกำหนดก้าวย่างทางเดินให้ชีวิต ย่อมมิใช่ของง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็กยากไร้

เพียงแค่ไฟดวงเล็กๆ ก็จะสว่างเจิดจ้าอย่างน่าอัศจรรย์ท่ามกลางความมืดสนิท กลุ่มนักกิจกรรมเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธา พลีกายทอดหัวใจทำหน้าที่ ไฟส่องทาง ดังว่า ดูพวกเขาจะเข้าใจถึงหัวอกนักเดินทางในยามค่ำเป็นอย่างดี จึงเรียกตัวเองว่า “กลุ่มไม้ขีดไฟ”

กลุ่มไม้ขีดไฟคือ กลุ่มคนเล็กๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ทำงานเพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชน เพียงเพราะเชื่อว่า เด็กและเยาวชนคือพลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศชาติในอนาคต

กลุ่มไม้ขีดไฟเกิดจาก “โครงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและแบ่งปันความสุขแด่เด็กนักเรียนในถิ่น ทุรกันดาร” ในวันเด็กแห่งชาติของทุกๆปี โดยเริ่มจัดทำโครงการครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2542 ในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ณ โรงเรียน ตชด.บ้านตะโกปิดทอง โดยมีสมาชิกกลุ่มครั้งแรก จำนวน 9 คน

กิจกรรมที่ดำเนินการส่วนใหญ่เกี่ยวกับการนำสิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ด้านอุปโภคและบริโภคไปบริจาค เช่น นำอาหารไปจัดเลี้ยงเด็กนักเรียน, จัดเกมส์การละเล่นต่างๆ, มอบอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเรียนการสอน, มอบอุปกรณ์กีฬา, มอบทุนการศึกษาให้น้องๆ นอกจากนี้ยังมอบเงินสนับสนุนให้กับทางโรงเรียนเพื่อใช้สนับสนุนการศึกษาต่อไป ถึงจะเป็นจำนวนเงินไม่มากนัก แต่ก็มอบให้ด้วยใจจริงและเท่าที่กำลังจะทำได้

จากการทำกิจกรรมดังกล่าว กลุ่มฯรู้สึกสุขใจ และเกิดความประทับใจเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่ได้สัมผัสจากน้องๆ หลายอย่าง เช่น การได้เห็นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะที่เป็นธรรมชาติของเด็กๆ อย่างมีความสุขขณะร่วมทำกิจกรรมด้วยกัน และสิ่งนี้นี่เองคือรางวัลสำคัญสำหรับชาวกลุ่มไม้ขีดไฟ

กว่า 15 ปี ที่ทำงานร่วมกับเด็ก ทำให้กลุ่มไม้ขีดไฟค้นพบแนวทางการทำงาน ที่จะตอบสนองความต้องการของเด็กๆ ได้อย่างทั่วถึงมากที่สุด

สิ่งสำคัญที่กลุ่มไม้ขีดไฟใช้เป็นแนวทางในการทำงานคือ ความเข้าใจต่อเด็กซึ่งสำหรับผู้ที่สนใจอาจจะเริ่มง่ายๆคือการถามว่าตอนเราเป็นเด็กเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร เช่นเราไม่ชอบให้ดุ เราไม่ชอบผู้ใหญ่ไม่ฟังเหตุผล เราชอบเรียนรู้ด้วยการลงมือทำเป็นต้น เราก็อาจใช้ เป็นแนวในการปฏิบัติเมื่อเราจะเริ่มทำงานกับเด็ก

สิ่งสำคัญลำดับถัดมาคือ แล้วเราจะทำอะไร หรือใช้กระบวนการอะไรกับเด็ก หรือจะจัดกิจกรรมอะไร คำถามเหล่านี้อาจจะยากสำหรับผู้เริ่มต้น แต่ตอบคือง่ายนิดเดียวคือการตั้งวงคุยกับเด็กว่าเขาสนใจอยากเรียนรู้อะไร แล้วค่อยนำมาประมวลผล ออกแบบกิจกรรมให้น่าสนใจ โดยไม่ลืมสิ่งที่เด็กบอกว่าชอบหรือไม่ชอบในตอนต้นนั่นคือแนวทางสำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้น

และเป็นบทเรียนสำคัญที่กลุ่มไม้ขีดไฟค้นพบ เมื่อเราเริ่มต้นทำงานในช่วงแรกๆ และสิ่งสำคัญในลำดับถัดมาคือการพัฒนาตนเองในแนวทางของการพัฒนาเด็ก นั่นคือ ตั้งคำถามกับสิ่งที่เราสนใจ และหาคำตอบทั้งจากการพูดคุย จากการอ่าน การค้นคว้า ก็จะทำให้การทำงานพัฒนาเด็กและเยาวชนของเรารุดหน้าและเห็นผลอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ากลุ่มไม้ขีดไฟมีความตั้งใจที่จะพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เป็นคนที่มีคุณภาพ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศในอนาคต แต่ปัญหาที่รุมเร้าเข้ามา และเด็กๆ กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ก็นับว่าเป็นอุปสรรคที่สำคัญยิ่ง

ทุกปัญหาในสังคมล้วน ส่งผลต่อเด็ก ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด ติดเกม รถซิ่ง ติดโทรศัพท์ ท้องก่อนวัยและอื่นๆ  อีกมากมายการแก้ไขปัญหาทางสังคม เหมือน  กับการบีบลูกโป่ง ที่บีบอีกที่ แก้ไขอีกทีให้หมดไป มันก็จะไปปูดไปบวมที่อื่น ถ้าอย่างนั้นจะทำอย่างไร

เมื่อเราเริ่มต้นจะแก้ปัญหาให้กับเด็กและเยาวชน เราควรเริ่มที่การค้นหาคำตอบมากกว่าที่เห็นเป็นปรากฏการณ์ คือมองให้ลึกเข้าไปในปัญหา เปรียบเทียบกับกลุ่มเด็กอีกกลุ่มที่ไม่เข้ามาสู่ปัญหา จากประสบการณ์การทำงานของกลุ่มไม้ขีดไฟ เราพบว่า รากแก้วของปัญหาคือ การขาดทักษะชีวิต โดยเฉพาะในประเด็นใหญ่คือ การความภาคภูมิใจในตนเอง ขาดการมองเห็นเป้าหมายชีวิต เมื่อเด็กขาดทั้งสองประเด็นที่กล่าวมา ก็จะทำให้เขาตัดสินใจและรับมือต่อปัญหาที่เข้ามาอย่างยากลำบาก

จากการทำงานพัฒนาเด็กในหลายๆพื้นที่ เราสามารถแบ่งเด็กได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆคือ กลุ่มรอด คือกลุ่มที่มีพื้นฐานทางครอบครัวดี เรียนดี มีความพร้อม กลุ่มที่สอง กลุ่มเกือบรอด กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่อยู่ระหว่างตัดสินใจ ซึ่งมาจากปัจจัยบางอย่างที่ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เช่น ปัจจัยความมั่นคงทางใจ ขาดเป้าหมายในชีวิตที่ชัดเจน และหรือ ขาดความสามารถในการมองเป็นคุณค่าในตนเอง

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก :               www.matchgrouprb.com, www.ccfthai.or.th, www.artbangkok.com/

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก :         www.matchgrouprb.com

Tag


powered by CIVIL SOCIETY EMPOWERMENT INSTITUTE