กองทุนภาคประชาสังคม

วาดฝันที่เป็นจริงให้เด็ก ๆ ด้วยดินสอสีรุ้ง

 
จะวาดฝันได้ต้องหัดใช้ดินสอเป็น 
จะเขียนเส้นทางของชีวิตให้สดใสต้องเริ่มจากการเรียนรู้ที่จะจับดินสอให้ถูกวิธี 
 
ทุกความสำเร็จล้วนมีจุดเริ่มต้น เหมือนกับกลุ่มคนทำดีที่ชื่อ "ดินสอสีรุ้ง" ที่เปลี่ยนพื้นที่เล็ก ๆ ในชุมชนเป็นสถานที่เรียนรู้ ให้การเรียนการศึกษากับเด็ก ๆ โดยเปิดสอนฟรีกับทุกคนในชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้างบางซื่อ ทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เช้าไปจนบ่าย ในชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเเละรอยยิ้ม มีสอนครบทุกวิชาไม่เว้นแม้แต่ศิลปะและดนตรี ตลอด 10 ปี ที่ดินสอสีรุ้ง เป็นสะพานเเห่งความหวังทางด้านการศึกษาเด็กในชุมชนย่ายบางซื่อ จนมาถึงวันนี้ อะไรที่เป็นเเรงบันดาลใจและผลสำเร็จตลอดเวลาที่ผ่านมาคืออะไร Thaicivilsoecity ขอชวนมาทำความรู้จักกับ "ดินสอสีรุ้ง" ผ่านผู้ก่อตั้ง คุณ ชานนท์ เครือด้วง
 
 
 
: ชื่อกลุ่มน่าสนใจมาก ขอถามก่อนว่าทำไมต้องดินสอสีรุ้ง ?
ทุกคนต้องเคยจับดินสอ เเล้วการจะเริ่มต้นเขียนอะไรพื้นฐานก็มาจากการที่เราต้องใช้ดินสอ แล้วดินสอก็เหมือนกับการที่เราเข้าไปวาด เข้าไปเติม และมันหมายถึงการเริ่มต้นด้วยนะ ไม่มีใครอยู่ๆ ก็จับปากกาเลย และเมื่อได้จับปุ๊บจะมีการลากต่อไป ดินสอมีไว้ขีด ไว้ลาก ไว้เขียน มันเป็นจุดเริ่มต้นของการขีดเขียน แล้วสีเดียวไม่พอนะต้องเป็นสีแห่งความสดใส เราก็เห็นว่าคนทุกเพศทุกวัยชอบสายรุ้ง เวลามีรุ้งก็ไปชี้รุ้งไปดูรุ้ง ทุกคนเห็นรุ้งแล้วไม่มีใครไม่ยิ้ม ตั้งแต่เด็กจนโตถ้ามีสายรุ้งคนจะตื่นเต้นและดูมีความสุข เราก็เลยนำทั้งสองอย่างมารวมกันมันดูสุขนิยมนะ 
 
 
: ปกติทำอะไรกัน ?
ดินสอสีรุ้งทำงานมาเเล้วทั่วประเทศ สร้างฐานการเรียนรู้ สร้างห้องดนตรี สร้างห้องสมุด สอนดนตรี เล่นดนตรีให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวี  ทำกันจริงจังจนกระทั่งมาเปิดสอนฟรีให้เด็กๆในชุมชนบ้านพักรถไฟก่อสร้างบางซื่อ ทุกวันเสาร์ เวลา 09.00-14.00 น. ล่าสุดเราชวนวงออเครสตร้ามาจากญี่ปุ่น มาทำโครงการแสดงดนตรี worldship thailand ทดลองให้เด็กมาลองจับมาลองเล่นเพื่อจะสร้างแรงบันดาลใจ  หลัง ๆ มานี่ เด็กหลายคนซ้อมดนตรีจนตอนนี้เก่งมาก เล่นได้เป็นร้อยเพลง เราเห็นการเปลี่ยนแปลงเลยว่าก่อนที่เราจะเข้ามาทำกิจกรรมกับเด็ก เด็กมีความก้าวร้าว พูดจาไม่เพราะ และเด็กไม่รู้ว่าชีวิตจะอย่างไร เพราะพวกเขาไม่มีกระบวนการคิดว่าพวกเขามีคุณค่านะ และการเห็นคุณค่าคนอื่นเป็นอย่างไร เวลาเอาดนตรีเข้าไปเล่นทำให้เขาเห็นคุณค่าทั้งตัวเองและคนอื่น ชอบจังเลยที่ตัวเองเล่นกีต้าร์เป็น ดีจังเลยที่เพื่อนคนนั้นเล่นกีต้าร์เป็น พวกเขาเริ่มเติบโตด้านความคิดมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่พวกเราคนที่ทำเองก็มีความสุข
 
 
:  ก้าวย่างต่อไปหลังจากนี้ ของดินสอสีรุ้ง ?
เราจะหยุดกิจกรรมแล้ว
 
 
 
: หยุด ?
ไม่ทำอะไรแล้วนับจากนี้ 
 
 
 
: แต่ทำมาแล้วเป็นสิบปี ?
อย่างน้อยก็ขอพักจากตรงนี้ซักสองสัปดาห์ ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาเราทำกันด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเราเอง ต้นทุนของเราเองไม่เคยร้องขอจากใครทั้งนั้นแล้วเราก็เหนื่อยด้วย เวลาที่เราอยู่กับสภาพเเวดล้อมไหนแล้วเราคิดว่าจะเปลี่ยนได้มันอาจไม่จริงทั้งหมด บางครั้งการทำความดีมานานแล้วไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง มันท้อ มันถดถอยไม่มีใครเปลี่ยนใครได้นอกจากตัวเขาเอง เราใช้ดนตรี ศิลปะ และทุกศาสตร์ มาทุ่มกับการทำงาน แต่สิ่งที่เห็นกลับพบว่า มันไม่เกิดการเปลี่ยนเปลงในวงกว้างผู้ใหญ่ในชุมชนบางคนยังบาดหมาง มาทะเลาะกันให้เด็กดูอยู่เลย 
 
 
 
: อ่าว ! 
พี่ไม่ได้ท้อแท้ แค่เหนื่อย 
 
 
 
: ไม่แยแสสังคม ไม่ทำดีอะไรแล้วหลังจากนี้ ?
จริง ๆ ก็ไม่หยุดทำดีหรอกพวกเราขอหยุด 2 อาทิตย์ แต่ยังมีโครงการไปแม่ฮ่องสอนไปทำกิจกรรม เป็นเด็กที่ได้รับผลกระทบจากการทารุณทางเพศ 
 
 
 
:อะไรกัน เป็นเหตุผลที่คนทำเรื่องพวกนี้มาเป็นสิบปีขอหยุดเอาดื้อ ๆ
เหตุผลหลัก คือพี่เหนื่อย  เงินก็เงินพี่เองทำไมพี่จะหยุดไม่ได้  อาสาสมัครก็มากันแบบชั่วครู่ชั่วคราว มันมีไม่กี่คนหรอกที่อยากมาทำความดีจริง ๆ บางคนก็แค่มาถ่ายเซลฟี่ว่าตัวเองทำความดี มันเป็นเรื่องที่ดีนะที่ในมหาวิทยาลัย หรือโรงเรียนมีชั่วโมงให้เด็กออกมาทำงานเพื่อสาธารณะ แต่ระบบการศึกษาแบบนี้ไม่ควรบังคับหรอก มันต้องมีเครื่องมือ ช่วยเขา หรือกรองให้เขาเป็นคนที่มีประสิทธิภาพ อยากทำความดีจากก้นบึ้งของหัวใจจริง ๆ เราบังคับให้ใครทำความดีไม่ได้หรอก
 
 
: ย้อนไปข้างบนก็ไม่ต่างกัน เราบังคับหรือเปลี่ยนเเปลงคนอื่นไม่ได้หรอก แม้จะบังคับให้เปลี่ยนเพื่อสิ่งดี ๆ แต่เป็นสิ่งดีในสายตาเรา ?
เออนั่นแหละ พี่ว่าคนทำงานด้านสังคมชอบคาดหวังกับคนอื่น หวังการเปลี่ยนแปลงคนอื่น พอคาดหวังมากมันก็รู้สึกล้มเหลวเฉย ๆ
 
 
 
: แต่การทำงานแบบนี้สำเร็จแค่กี่เปอร์เซนต์ ก็เป็นการพัฒนาสังคมแล้ว 
เราเข้าใจทุกอย่าง เราเข้าใจ แต่บองครั้งเราก็เหนื่อยจนพาลคิดอะไรพลันวันเหมือนลิงแก้แห เลยคิดว่าพักก่อนดีกว่า
แต่อย่างที่ว่า ไม่ได้คิดจะเลิกทำความดีแน่นอน
 
 
 
: แล้วทุกวันเสาร์หลังจากนี้ไปสองสัปดาห์จะคิดว่าพอตัวเองตื่นมาแล้วทำอะไรบ้าง ถ้าไม่มาสอนเด็ก ?
ส่วนมากจะทุกๆ เสาร์-อาทิตย์ ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหนก็จะกลับไปทุกวันเสาร์ตอนเช้า บางทีอยู่หัวหินเพื่อนชวนไปเที่ยววันหยุดติดกันหลายวัน สักประมาณตีหนึ่งตีสองก็กลับแล้ว ขับรถเองมาถึงหกโมงเช้าแล้วไปสอนหนังสือเด็ก เสร็จประมาณสี่ห้าโมงเย็นค่อยกลับไปหาเพื่อนต่อที่หัวหิน เป็นอย่างนี้บ่อยมาก ตลอดlb[ปีที่ผ่านมาไม่เคยหยุดเลย เวลามีงานเสาร์อาทิตย์เรามักจะไม่รับเลย เราจัดเวลาไว้โดยเฉพาะวันเสาร์ เราทุ่มเทที่จะให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ แต่หลังจากนี้สองอาทิตย์หรอ........(หัวเราะ).....ก็คงตื่นมาทำอะไรแต่ที่มันจรรโลง เสพแต่เรื่องดี ๆ นะ ทุกวันนี้พี่เบื่อมากทั้งกระเเสสังคมในอืนเตอร์เน็ต ทั้งสื่อหลักมีแต่เรื่องดราม่าเดี๋ยวนี้เราเสพ เราใช้โซเชียลมากเกินไป ทุกวันนี้พี่พยายามลดลงนะ ถ้าวันเสาร์สองอาทิตย์นี้ไม่ได้ไปสอนเด็ก ๆ ก็คงตื่นมาเปิดดูอะไรในยูทูปที่เป็นบวก หาเเต่เรื่องบวกดู ฟังเทียบไปแล้วมันเหมือนขยะนะ สิ่งที่เรานำเสนอทุกวันนี้ ลองคิดดูถ้าเราเอาขยะมาตั้งหน้าบ้านมันก็เหม็นทั้งวัน เราก็จะรู้สึกสกปรกไปทั้งวัน ดังนั้นเอากระถางดอกไม้มาปลูกดีกว่า มอง ดู อ่าน ฟัง แต่เรื่องดี ๆ ทุกเช้าไปก่อน คงทำอะไรแบบนั้น
 
 
 
: คำถามสุดท้าย วางเส้นทางหลังจากนี้ไว้อย่างไร แล้วดินสอสีรุ้งจะยังมีอยู่ไหม ?
พูดไปแล้วก็เริ่มคิดจริงจัง อยากทำ สำนักข่าวดี และดินสอสีรุ้งจะมีอยุ่ไม่หายไปไหนแน่นอน
 
 

Tag


powered by CIVIL SOCIETY EMPOWERMENT INSTITUTE